รู้ไหมว่าการดูดาวก็ช่วยลดโลกร้อนได้

#ภาวะโลกร้อน ปัญหาระดับโลกที่มนุษย์รณรงค์ให้ลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการประหยัดไฟ ลดใช้ถุงพลาสติก ลดการใช้น้ำมัน เครื่องปรับอากาศ การรีไซเคิล และอื่น ๆ อีกมากมายหลากหลายวิธี แต่รู้หรือไม่ว่า “การดูดาวก็ช่วยลดโลกร้อนได้” เช่นกัน

แก๊สเรือนกระจก ส่วนใหญ่เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นสารมลพิษจากการเผาไหม้ของถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ ปิโตรเลียม ที่ผลิตมาใช้เป็นพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และหนึ่งในนั้นคือพลังงานไฟฟ้า ที่ใช้เป็นแสงสว่างในเวลากลางคืน

ปัจจุบัน #แสงสว่าง คือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เราใช้ประโยชน์จากแสงสว่าง เพื่ออ่านหนังสือ ทำงาน ให้ความปลอดภัยในการเดินทางในเวลากลางคืน ฯลฯ แต่แสงสว่างจำนวนไม่น้อยกลับถูกใช้งานอย่างไม่ระมัดระวัง เช่น การเปิดใช้แสงไฟที่จ้าเกินจำเป็น การเปิดไฟในบริเวณที่ไม่ใช้งานส่องไปทั่วทุกทิศทางรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น รวมถึงแสงสว่างอีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ส่องสว่างขึ้นบนท้องฟ้าโดยที่ไม่มีใครได้ใช้ประโยชน์จากแสงเหล่านั้น เราเรียกแสงสว่างที่มากเกินจำเป็นหรือไม่เกิดประโยชน์เหล่านี้นี้ว่า “มลภาวะทางแสง”

#มลภาวะทางแสง ทำให้ท้องฟ้าเวลากลางคืนไม่มืดสนิทอย่างที่เคยเป็น ทางช้างเผือกที่พาดผ่านแสงดาวเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน นิทานกลุ่มดาว ตำนานและเรื่องเล่าบนท้องฟ้ามากมายที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ค่อย ๆ ถูกลบหายไปพร้อมกับแสงทั่วท้องฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ท้องฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยแสงดาวข้างหลังบ้าน ค่อย ๆ ถูกผลักให้ห่างไกลออกไปด้วยแสงไฟที่ส่องสว่างทั่วทั้งชุมชน ปัจจุบัน เราต้องขับรถออกไปไกลหลายสิบกิโลเมตร เพื่อที่จะได้กลับมามองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าอีกครั้ง

หากเคยเห็นภาพถ่ายดาวเทียมของโลกยามค่ำคืน คงสังเกตเห็นแสงสว่างที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ทั่วโลก มิติหนึ่งมันคือสีสันและความสวยงามที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่ แต่ในอีกมุม มันคือแสงที่ถูกผลิต และโยนทิ้งไปในอวกาศอย่างเปล่าประโยชน์ คงเหลือไว้เพียงแก๊สเรือนกระจกที่ถูกเก็บสะสมไว้ในชั้นบรรยากาศโลก

โชคดี ที่ #ปัญหามลภาวะแสงสามารถแก้ได้ง่ายๆ และเห็นผลในทันที วิธีหนึ่งคือ การติดตั้งโคมไฟ ช่วยควบคุมทิศทางของแสงให้สว่างบริเวณพื้นที่ต้องการใช้งาน ไม่ให้ส่องจ้าขึ้นสู่ท้องฟ้าหรือบริเวณพื้นที่อื่นที่ไม่จำเป็น และการเลือกใช้แสงไฟที่มีความสว่างเหมาะสม ไม่สว่างจ้าจนเกินความจำเป็น นอกจากช่วยลดแสงจ้าที่สะท้อนขึ้นท้องฟ้าแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจากวัตต์ของหลอดไฟที่ลดลง และลดแสงแยงตาผู้สัญจรในบรืเวณนั้นอีกด้วย

มีงานวิจัยตีพิมพ์ว่า ถ้าลดมลภาวะทางแสงจากแสงไฟถนนในสหรัฐอเมริกา จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 9 พันล้านบาท และลดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึงปีละ 21 ล้านตัน

การร่วมมือกันช่วยลดมลภาวะทางแสง จะช่วยให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสามารถดูดาวได้อีกครั้ง และยังส่งเสริมให้เกิดการใช้แสงไฟอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน ทั้งยังช่วยโลกลดแก๊สเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของโลกร้อนทางอ้อมอีกด้วย

เรียบเรียง : เจษฎา กีรติภารัตน์ – เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง : https://www.eia.gov/…/flow/fossil_fuel_spaghetti_2020.pdf

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า