หลายคนเชื่อว่าแสงสว่างจ้าทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนบ่งชี้ว่าความเชื่อนี้ถูกต้อง การใช้แสงสว่างที่มากขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าอุบัติเหตุและการก่ออาชญากรรมจะลดน้อยลง 

          ในปี พ.ศ. 2554 มีผลการศึกษาในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษถึงความสัมพันธ์ระหว่างไฟถนนและอาชญากรรม โดย National institute of Justice (NIJ) สรุปว่า มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะชี้ว่า การเพิ่มแสงไฟถนนช่วยลดอาชญากรรมลงได้ แต่การติดตั้งแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างไม่ระมัดระวังต่างหาก ที่ทำให้ความปลอดภัยลดลง เพราะอาชญากรสามารถมองเห็นเป้าหมายและทรัพย์สินได้ง่ายขึ้น โครงการ “Chicago Ally Lighting” แสดงให้เห็นว่าตรอกถนนที่ติดไฟฟ้าสว่างไสวกลับมีการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การขีดเขียน การพ่นสีผนัง และการก่ออาชญากรรม มากขึ้น 

          ยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มจำนวนหลอดไฟบนท้องถนน อาคารบ้านเรือน หรือสถานที่สำคัญ ๆ อาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเสมอไป แต่ควรเป็นการเลือกใช้แสงสว่างในปริมาณที่เพียงพอและโคมไฟที่เหมาะสม เพราะการใช้แสงมากเกินความจำเป็นอาจให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามได้ 

           นอกจากนี้ วารสาร “Epidemiology and Community Health” ที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2558 ชี้ว่า แสงไฟถนนไม่ได้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุแต่กลับทำให้เสียค่าใช้จ่ายมหาศาล งานวิจัยได้ศึกษาอุบัติเหตุรถยนต์ในชนบทของอังกฤษและเวลส์ 62 แห่ง พบว่าไม่ว่าจะทดลองปิดไฟมืดสนิท หรี่ไฟ สลับเปิด-ปิดไฟ หรือเปลี่ยนเป็นหลอดไฟฟ้าที่ใช้พลังงานต่ำ เช่น LED ก็ไม่ทำให้จำนวนอุบัติเหตุมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด